รู้จักชนิดของไฟเบอร์ออฟติก Single Mode และ Multi Mode ต่างกันอย่างไร?
เลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติก ประเภทไหนจึงเหมาะกับการใช้งาน
ปัจจุบันเราจะพบว่าไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic)ถือเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการส่งข้อมูลด้วยแสงผ่านสายใยแก้วนำแสง ที่มีประสิทธิภาพสูงในการส่งข้อมูลระยะไกล และ รองรับแบนด์วิดท์สูง ซึ่งไฟเบอร์ออฟติกมีด้วยกัน 2 ชนิดหลักๆที่นิยมใช้งานคือ Single Mode และ Multi Mode ทั้งสองชนิดมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ แล ะข้อกำหนดของระบบเครือข่าย ดังนั้นในบทความนี้จะอธิบายถึงโครงสร้าง คุณสมบัติ การใช้งาน ข้อดี และ ข้อเสียของไฟเบอร์ออฟติกแต่ละชนิด รวมถึงข้อแตกต่างเพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับไฟเบอร์ออฟติกคืออะไร?
โดย ไฟเบอร์ออฟติก คือ สายเคเบิลที่มีใยแก้ว หรือ พลาสติกโปร่งแสงที่สามารถนำแสงเดินทางผ่านได้ ถูกใช้ในการส่งข้อมูลในรูปแบบของแสง (Optical Signal) โดยมีประสิทธิภาพสูงในการส่งข้อมูลระยะไกล ความเร็วสูง และ ปลอดภัยจากการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่ง โครงสร้างหลักของไฟเบอร์ออฟติกประกอบด้วย 1. Core (แกน): ส่วนที่แสงเดินทางผ่าน 2. Cladding: วัสดุที่ห่อหุ้ม Core เพื่อสะท้อนแสงกลับเข้าด้านใน และ 3. Buffer Coating: ชั้นป้องกันภายนอกเพื่อป้องกันการเสียหาย นั้นเอง
ประเภทของไฟเบอร์ออฟติกแบบ Single Mode และ Multi Mode
- Single Mode Fiber
Single Mode Fiber เป็นไฟเบอร์ออฟติกที่มีแกน (Core) ขนาดเล็กมาก (ประมาณ 8-10 ไมครอน) ทำให้แสงเดินทางได้เพียงช่องทางเดียวหรือโหมดเดียว (Single Path) โดยมีคุณสมบัติของ Single Mode Fiber คือ แกน (Core) มีขนาดเล็กมาก, รองรับการส่งข้อมูลระยะไกล, ใช้แสงเลเซอร์หรือแหล่งกำเนิดแสงแบบ Narrow Beam และ ความยาวคลื่นที่ใช้ส่งข้อมูล 1310 นาโนเมตร (nm) และ 1550 นาโนเมตร มีข้อดีที่รองรับระยะการส่งข้อมูลได้ไกลถึงหลายสิบ หรือ หลายร้อยกิโลเมตร และ เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อในระบบเครือข่ายระยะไกล เช่น เครือข่ายโทรคมนาคม แต่ก็มีข้อเสียที่ มีราคาสูงกว่าประเภท Multi Mode อีกทั้งยังติดตั้ง และ ดูแลรักษายากกว่า จึงเหมาะกับการใช้งานที่ มีการเชื่อมต่อระหว่างเมือง มีการใช้งานในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ระดับองค์กร และ ระบบเครือข่ายโทรคมนาคม - Multi Mode Fiber
Multi Mode Fiber เป็นไฟเบอร์ออฟติกที่มีแกน (Core) ขนาดใหญ่กว่า (ประมาณ 50-62.5 ไมครอน) ซึ่งทำให้สามารถส่งแสงได้หลายช่องทาง (Multiple Paths) ในเวลาเดียวกันมีคุณสมบัติของ Multi Mode Fiber เช่น แกน (Core) มีขนาดใหญ่กว่า Single Mode ยังสามารถใช้แสง LED หรือ แหล่งกำเนิดแสงที่กว้างกว่า อีกทั้งยังความยาวคลื่นที่ใช้ส่งข้อมูล 850 นาโนเมตร และ 1300 นาโนเมตร
มีข้อดีที่รองรับแบนด์วิดท์สูงในระยะสั้น, ราคาถูกกว่า Single Mode ทั้งยังติดตั้ง และ ดูแลรักษาง่ายกว่าแต่ก็มีข้อเสียที่ไม่เหมาะสำหรับการส่งข้อมูลระยะไกล เนื่องจากแสงเกิดการกระจายตัว (Dispersion) และ ยังระยะการส่งข้อมูลจำกัด (ไม่เกิน 550 เมตรในระบบ 10Gbps) จึงเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการเชื่อมต่อภายในอาคาร หรือ วิทยาเขต ในระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) และ ระบบเครือข่ายในองค์กรขนาดเล็กนั้นเอง
ความแตกต่างระหว่างสายไฟเบอร์ออฟติก Single Mode และ Multi Mode Fiber
โดยสายไฟเบอร์ออฟติกทั้ง 2 แบบนั้นมีคุณลักษณะ Single Mode Fiber และ Multi Mode Fiber โดยมี Single Mode Fiber ขนาด Core 8-10 ไมครอน และ Multi Mode Fiber ขนาด 50-62.5 ไมครอน อีกทั้งยังมีโหมดการส่งแสงที่แตกต่าง Single Mode Fiber ส่งแสงช่องทางเดียว (Single Path) และ Multi Mode Fiber ส่งแสงหลายช่องทาง (Multiple Paths) แหล่งกำเนิดแสง เลเซอร์ (Laser) ไฟ LEDยังมีความยาวคลื่นที่รองรับ Single Mode Fiber ที่ 1310 และ 1550 นาโนเมตร กับ Multi Mode Fiber แบบ 850 และ 1300 นาโนเมตร ทั้งยังมีระยะการส่งข้อมูล Single Mode Fiber หลายสิบกิโลเมตรถึงหลายร้อยกิโลเมตร กับ Multi Mode Fiberแบบ ไม่เกิน 550 เมตรในระบบความเร็วสูง
และ ต้นทุน Single Mode Fiber จะสูงกว่า ซึ่ง Multi Mode Fiber นั้นถูกกว่า การใช้งาน การเชื่อมต่อ Single Mode Fiber สามารถเชื่อมต่อระยะไกล แต่ Multi Mode Fiber เป็น การเชื่อมต่อระยะสั้นในองค์กร
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า สายไฟเบอร์ออฟติกแบบ Single Mode Fiber และ Multi Mode Fiber เป็นสองชนิดของไฟเบอร์ออฟติกที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว เหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน หากต้องการส่งข้อมูลระยะไกล และ ความเร็วสูง Single Mode เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากเป็นการส่งข้อมูลระยะสั้นในองค์กร Multi Mode จะเป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่าโดยการเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับความต้องการ และ งบประมาณของผู้ใช้งาน การทำความเข้าใจถึงความแตกต่าง และ ข้อดีข้อเสียของไฟเบอร์ออฟติกแต่ละชนิดจะช่วยให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หากกำลังมองหาสายไฟเบอร์ออฟติกที่มีคุณภาพนั้นเราขอแนะนำ NeXTGENiT ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีที่ทันสมัย มีทีมงานที่มีประสบการณ์ในการจัดจำหน่ายมายาวนาน ทั้งนี้สินค้าหลักที่จัดจำหน่ายประกอบด้วยเราท์เตอร์ เกทเวย์ แอคเซสพอยต์ สวิชท์ พีโออีสวิชท์ ไอพีคาเมร่า สายไฟเบอร์ออฟติก วายฟาย ไฟร์วอลล์ และ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ โดยมีการรับประกันสินค้าทุกชิ้นที่จะทำให้ลูกค้ามั่นใจ พร้อมทีมสนับสนุนทางเทคนิคที่มีประสบการณ์โดยจะช่วยให้คำแนะนำกับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี จึงสามารถมั่นใจในคุณภาพสินค้า และ บริการได้นั้นเอง
ติดต่อสอบถาม
บริษัท เน็กซ์เจนไอที จำกัด (สำนักงานใหญ่)
225 ถนนพิบูลสงคราม ตำบลสวนใหญ่
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
LINE ID : @NEXTGENIT
HOTLINE : 080-9879879