วิธีการเลือกเราท์เตอร์ไวไฟให้เหมาะกับการใช้งาน

เราท์เตอร์ไวไฟที่ใช้สำหรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตควรเลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

วิธีการเลือกเราท์เตอร์ไวไฟ

ในยุคที่สังคมแห่งการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญและขาดไม่ได้ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจึงเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญสำหรับทุกองค์กรและแม้กระทั่งตามบ้านเรือนทั่วไปก็จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไว้ใช้ แต่การที่จะรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้นั้นต้องมีอุปกรณ์อีกตัวในการรับ-ส่งสัญญาณหรือที่เรียกว่า เราท์เตอร์ไวไฟ อุปกรณ์ตัวนี้หากเลือกได้เหมาะสมกับการใช้งานมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างดีทีเดียว แต่หากเลือกใช้งานอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม อาจทำให้การทำงานสะดุด ล่าช้า และอาจต้องเสียเงินหาซื้อเราท์เตอร์ตัวใหม่ เสียทั้งเงินและเวลา วันนี้ เน็กซ์เจนไอที มีวิธีการเลือกเราท์เตอร์ไวไฟให้เหมาะกับการใช้งานมาฝากกัน

 

WiFi คืออะไร?

WiFi หรือ ไวไฟ คือเทคโนโลยีทางการสื่อสารแบบไร้สาย เป็นการสื่อสารแบบสองทางระหว่างตัวเราเทอร์ไวไฟและอุปกรณ์ ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะต้องมีเครื่องส่งและเครื่องรับคลื่นวิทยุ เพื่อสื่อสารระหว่างกันโดยส่งสัญญาณผ่านคลื่นความถื่วิทยุที่ 2.4 GHz หรือ 5GHz ไวไฟเป็นคลื่นวิทยุเช่นเดียวกับบลูทูธ และเครือข่ายเซลลูลาร์

 

วิธีเลือกเราท์เตอร์ไวไฟให้เหมาะกับการใช้งานมีวิธีการอย่างไร?

สำหรับวิธีการเลือกเราท์เตอร์ไวไฟให้เหมาะกับการใช้งานนั้น ลองทำตาม 6 วิธีนี้ดู

  1. เราท์เตอร์ไวไฟควรรองรับ Wi-Fi6 หรือมาตรฐานความเร็วสูงอื่นๆ
    หากจำเป็นต้องเปลี่ยนเราท์เตอร์ไวไฟใหม่ สิ่งที่เราท์เตอร์ควรต้องมีคือ ควรเป็นเราท์เตอร์ไวไฟที่สามารถรองรับ Wi-Fi6E (802.11ax) ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ (Wi-Fi7 ยังอยู่ในช่วงที่เพิ่งเปิดตัวอาจต้องมีการพัฒนาสัญญาณ) ประสิทธิภาพของ WiFi6E ด้วยคลื่นความถี่ 6 GHz ทำให้มีความเสถียรมากกว่าความถี่เดิมอย่างเช่น 5 GHz และ 2.4 GHz ซึ่งหากคุณเป็นเกมเมอร์หรือสตรีมเมอร์ ควรเลือกเราท์เตอร์ไวไฟที่สามารถรองรับสัญญาณความถี่ในย่าน 5GHz หรือ 6 GHz มาใช้งาน เพื่อความราบรื่น ไม่สะดุด และยังช่วยลดค่า Latency และสัญญาณรบกวน


  2. เราท์เตอร์ไวไฟควรรองรับคุณสมบัติ Quality of Service หรือ QoS
    Quality of Service (QoS) คือ คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในเราท์เตอร์ไวไฟรุ่นใหม่ๆ สิ่งนี้จะช่วยให้เราท์เตอร์สามารถจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลเครือข่ายได้ เช่น คุณพ่อกำลังประชุมออนไลน์ ส่วนคุณแม่กำลังดูซีรีส์ใน Netflix เจ้าตัว QoS นี้จะช่วยให้สัญญาณอินเตอร์เน็ตมีแบนด์วิธมากพอที่จะทำให้ทั้งการประชุมออนไลน์ของคุณพ่อ และการดูซีรีส์ใน Netflix ของคุณแม่ใช้งานได้อย่างราบรื่น คุณสมบัติอื่นๆ ของ QoS เช่น ช่วยลดปัญหา lag จากค่า Latency ที่สูงขึ้นเมื่อมีการรับ-ส่งข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การดาวน์โหลดไฟล์หนังในยูทูป เป็นต้น


  3. เราท์เตอร์ไวไฟควรรองรับคุณสมบัติ MU-MIMO
    MU-MIMO หรือ Multiple Input and Multiple Output คุณสมบัติข้อนี้เองที่จะช่วยให้เราท์เตอร์สามารถส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ที่อยู่ในระบบเครือข่ายได้พร้อมๆ กันหลายจุด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยค่า Latency ให้ต่ำลงได้ และยังช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวนในขณะที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นคอนโดหรือบ้านที่อาศัยอยู่คนเดียว MU-MIMO อาจจะไม่เหมาะ แต่หากเป็นบ้านที่มีสมาชิกอยู่กันหลายคน หรือมีอุปกรณืที่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลาจะเหมาะกับ Mu-MIMO มากกว่า


  4. ควรเช็คดูจำนวนเสาของเราท์เตอร์ไวไฟ
    ส่วนใหญ่เราท์เตอร์รุ่นเก่าจะมีเสารับสัญญาณแค่ 1-2 เสาเท่านั้น แต่ในเราท์เตอร์ไวไฟรุ่นใหม่ๆ จะมีเสารับสัญญาณที่มากขึ้น เช่น 3-6 เสา และหากเป็นเราท์เตอร์รุ่นเรือธงระดับสูง อาจจะมีเสารับสัญญาณมากถึง 8 เสา จำนวนเสารับสัญญาณยิ่งมีมาก ยิ่งช่วยเพิ่มความเร็วได้มาก และยิ่งคงความเสถียรของสัญญาณได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเราท์เตอร์ที่มีคุณสมบัติรองรับ MU-MIMO นอกจากนั้น การปรับทิศทางของเสายังสามารถช่วยให้สัญญาณพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของอุปกรณืได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานดีมากยิ่งขึ้น


  5. ควรเช็คเราท์เตอร์ไวไฟว่ามีจำนวนพอร์ต Ethernet และพอร์ต USB พอหรือไม่?
    จำนวนพอร์ต Ethernet ของเราท์เตอร์แต่ละรุ่นจะมีจำนวนไม่เท่ากัน และ USB พอร์ตก็อาจจะมีหรือไม่มีมาให้ก็ได้ แม้ว่าเราท์เตอร์จะส่งสัญญาณ WiFi ได้ แต่สำหรับใครก็ตามที่ให้ความสำคัญในเรื่องของ latency เช่น เกมเมอร์ หรือคนที่สตรีมมิ่งบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะนิยมเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบมีสายผ่านพอร์ต Ethernet มากกว่าเพราะจะได้ความเสถียรกว่าและมีค่า latency ต่ำกว่าการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ส่วน USB พอร์ต จะสามารถใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกหลายอย่าง เช่น ปริ้นเตอร์ หรือ ฮาร์ดไดร์ฟ เพื่อให้เข้าถึงอุปกรณ์ได้ง่าย


  6. เราท์เตอร์ไวไฟที่แนะนำ
    สุดท้ายแล้ว ถ้าคิดว่าตัวเองอาจจะเลือกเราท์เตอร์ไวไฟไม่ถูกหรืออาจมีความรู้ไม่มากพอ วันนี้ เน็กซ์เจนไอที เรามีคัดมาให้ 3 รุ่น


    • UISP EdgeRouter X SFP - เราท์เตอร์รุ่น UISP EdgeRouter x SFP เป็นเราท์เตอร์ไวไฟที่มีขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพไม่เล็กเหมือนตัวเครื่อง จุดเด่นคือ มี Port Lan ทั้งหมด 5 พอร์ต ซึ่งทำหน้าที่เป็น Passive PoE ในการจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ และยังมีอีก 1 พอร์ต SFP ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อ Fiber Optic สามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ที่ 1 Gbps

    • RB110AHx4 Dude Edition - เราท์เตอร์รุ่น RB110AHx4 Dude Edition เป็นเราท์เตอร์ไวไฟที่สามารถรองรับ User Online ได้มากกว่า 300 User และยังรองรับ throughput ได้มากถึง 800 Mbps มีพอร์ต 1 Gbps 13 พอร์ต สามารถติดตั้งใน Rack19 นิ้ว ได้ ใช้งานง่าย แค่ต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตก็ใช้งานได้ทันที เหมาะกับการใช้งานภายในออฟฟิศขนาดเล็กถึงขนาดกลาง

    • UISP UFiber OLT 4 Terminal - เราท์เตอร์รุ่น UISP UFiber OLT4 Terminalเป็นเราท์เตอร์ไวไฟที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านโครงข่าย Fiber Optic ระยะทางไกลถึง 20 กม. หรือที่รู้จักกันในชื่อ U-Fiber สำหรับรุ่นนี้จะมี 4 พอร์ต ที่สามารถรองรับอุปกรณ์ปลายทางได้มากถึง 512 ONU เหมาะกับบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่


แต่หากใครที่อ่านบทความนี้แล้ว ยังไม่มั่นใจในการเลือกซื้อเราท์เตอร์ไวไฟ มาปรึกษากับเราได้ บริษัท เน็กซ์เจนไอที จำกัด เราเป็นตัวแทนจำหน่าย Ruijie Reyee, UBiquiti และ MikroTik และสินค้าอีกหลากหลาย อาทิ เราท์เตอร์ แอคเซสพอต์ เกทเวย์ ไวไฟ ไฟร์วอลล์ และ Load balance คุณภาพมาตรฐาน เรายินดีให้คำปรึกษากับทุกธุรกิจของคุณ สินค้าทุกชิ้นมีการรับประกันและมีบริการหลังการขาย

 

ติดต่อสอบถาม
บริษัท เน็กซ์เจนไอที จำกัด (สำนักงานใหญ่)
225 ถนนพิบูลสงคราม ตำบลสวนใหญ่
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
LINE ID : @NEXTGENIT
HOTLINE : 080-9879879